FED ประกาศลดขนาดลด QE มีผลม.ค.57 คาดตลาดแรงงานสหรัฐปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้การลงทุนของนักลงทุนต่างชาติปีหน้ามีทิศทางชัดเจน
และมีแนวโน้นของแหล่งเงินทุนที่จะย้ายจากตลาดเกิดใหม่ Emerging Merket (รวมทั้งไทย) กลับคืนสู่สหรัฐอีกครั้ง
ดังนั้น ในแง่ของทฤษฎีการจัดพอร์ตการลงทุน โดยใช้โมเดล Portfolio Optimization คำนวณน้ำหนักหรือสัดส่วนการลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนดีที่สุดโดยมีความเสี่ยงน้อยที่สุด น้ำหนักการลงทุนในตลาดสหรัฐจึงมีแนวโน้มที่จะได้รับการปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น
อย่างไรก็ดี ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม เช่น มุมมองเศรษฐกิจสหรัฐอาจเปลี่ยนไปทั้งใน "เชิงบวก" และ "ลบ" การเปลี่ยนแปลงของปัจจัยพื้นฐานของตลาดสหรัฐและตลาดเกิดใหม่ เป็นต้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะมีผลต่อการปรับมุมมองในการลงทุนในแต่ละช่วง ตัวอย่างเช่น หากเศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวดีขึ้นและมีเงินลงทุนไหลเข้ามากขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น การส่งออกของสหรัฐก็อาจได้รับผลกระทบในเชิงลบ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงเวลาข้างหน้า ในขณะที่ค่าเงินของตลาดเกิดใหม่อาจอ่อนค่าลงในช่วงแรกตามการไหลออกของเงินลงทุน ซึ่งก็จะส่งผลดีต่อการส่งออกของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่
เงิน 1 ล้าน ใช้อย่างประหยัดๆ จะอยู่ได้กี่ปี
สมมุติว่า ใช้เงินวันล่ะ 100 กินข้าวคาบล่ะ 30 บาท 3 คาบ และอื่นๆอีก 10 บาท เป็นร้อยนึง1000000/100 =10000 วัน10000/365 = 27 ปี 4 เดือน กับอีก 24 วันตอนนี้ผมอายุ 27 ปี ผมคงอยู่ไดัถึงอายุ 54 ปีกว่าๆ ถ้ามีเงิน ล้านนึง โดยที่รายได้เป็น0
แต่ถ้าในทางกลับกัน วันนี้คุณยังไม่มีเงินล้าน แต่คุณมีรายได้ วันละร้อยแต่ใช้ ร้อย เท่ากับคุณใช้เงินล้านในระยะเวลา 27 ปี สี่เดือน 28 วัน
แต่ถ้ารายได้คุณคงที่วันละ 300 บาทแต่คุณใช้วันละ 100 บาท เงินส่วนที่เหลือคุณใช้ไปกับการลงทุน การออม การซื้อ LTF RMF ซื้อหุ้น ซื้อ ทอง ซื้อประกันิอมทรัพย์ อะไรจะเกิดขึ้น อ้าาาาาาาาาา
ถ้าเงินที่คุณลงทุนลงไปดอกเบี้ยเท่ากับ 0 แต่เงินต้นคงที่ คุณจะมีเงินออม 2 ล้านบาท ในอีก 27 ปีข้างหน้า
แต่ถ้าอยากมีเงินเก็บแค่หนึ่งล้าน คุณออมวันล่ะสองร้อย คุณก็ เอา 27.4/2 = 13 ปีกว่า ซึ่งไม่ไกลเกินไปนัก และยังไม่แก่เท่าไร คุณก็จะเป็นเศรษฐีเงินล้าน
ไม่ต้องแปลกใจ ทำไมผมได้ A เศรษฐศาสตร์
วันละ200 เดือนนึง 6000 ต้องมีรายได้เท่าไรถึงจะออมได้เดือนละ 6000 ใช้วันละเท่าไรละคับ ถ้าใช้วันละ 200 ก็เดือนละ 12000
แต่ถ้าบอกว่า เฉพาะค่าห้องพักก็วันละ 200 หรือเดือนละ 6000 แล้ว
ดังนั้น ควรจะเอา fix expense คือค่าใช้จ่ายต่อเดือน ค่าห้อง ค่าเช่า รวมถึงค่าไฟ estimate + ค่าน้ำ Estimate + variable expense ค่าใช้จ่ายในหนึ่งวัน ค่าข้าว ค่าเติมเงินมือถือ ค่าน้ำมัน ค่าน้ำ + ภาระหนี้รายเดือนทั้งหมดต่อเดือน + saving คือ 6000 ต่อเดือน รวมเป็นเงินเท่าไหร่ ก็เท่ากับ รายได้ที่พี่ควรจะทำได้ ถ้ารายได้ประจำไม่ได้ ก็หารายได้เสริมมาเพิ่มเพื่อให้ได้ รายได้ที่ cover all of above. ok ><
จิงๆแล้วถ้าไม่ใช้เงินอนาคตเยอะ ก็ไม่น่ามีปัญหา
Ok ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ หุหุ
แต่ปัจจุบันคนเงินเดือนสูง รายจ่ายก็สูงตาม สูงตามรสนิยม และความต้องการ
การลงทุน มีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรวางแผน ตัดสินใจให้ดีก่อนการลงทุนธุรกิจที่มีความเสี่ยงน้อย แต่ทำกำไรดีก็มี แต่ทางที่ดี ควรเอาใจใส่กับมันมันอาจทำให้เราลด cost บางอย่างได้รถวิ่ง 80 ถ้าเจอโค้ง แล้วไม่หักพวงมาลัยมันก็ก็เลยโค้ง ธุรกิจก็เช่นเดียวกันต้นทุนบางอย่าง เช่นค่าใช้จ่าย ควรวางแผนในการจ่ายให้ตรงดิว อย่างน้อยเราก็ไม่เสียเวลา ไม่เสียค่าปรับ ไม่เสียดอกเบี้ยเปอร์เซนต์กำไรต่อเดือน ย่อมมีมากกว่า ดอกเบี้ยจ่ายต่อเดือน
พยายามใช้แหล่งเงินทุน freeflow OD เงินสด หรือวงเงินสินเชื่อส่วนบุคคล เมื่อจ่ายค่างวดแล้ว สามารถเพิ่มถอนวงเงินได้โดนไม่ต้องรออนุมัติ
ควรมีมาตราฐาน cash ขั้นต่ำของกิจการ เงินสดสำรองที่ควรเติมทันทีเมื่อต่ำกว่ากำหนด
การวางแผน cash budget, และInventory estimated, JIT เพื่อลด size และต้นทุน inventory. และอย่าลืมว่าถ้าบริษัทขนาดเล็กหากินกับการ sell stock ไม่ได้ กำไรที่ได้ ก็จะเป็นกำไรจากการขายของบริษัทโดยตรง หลังจากที่หักต้นทุนขาย ต้นทุนการผลิต direct labor, manufacturing overhead cost รวมไปถึงการหัก operating expense ค่าการตลาดต่างๆ รวมไปถึงภาษีและดอกเบี้ยจ่ายเรียบร้อยแล้ว
แต่ก่อนที่จะทำอะไร ไม่ใช่สักว่าจะเปิดก็เปิด เราต้องรู้ก่อนว่าจะจะเปิดที่ไหน เปิดขายอะไร ให้ใคร จำนวนเท่าไร จะผลิตอย่างไร จะเอาอะไรผลิต ซึ่ง ต้องวางแผนตลาด วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย วิเคราะห์ปัจจัยแวดล้อม ตั้งเป้าหมาย ทดสอบสมมุติฐาน และประมวลผล