ชื่อท๊อปนะครับ
ทำงานในตำแหน่งผู้จัดการสาขาในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง
แรกเริ่มเลยเนี่ย เป็นคนบ้านนอก
บ้านอยู่ชัยภูมิ
ได้ถูกรับการอบรมมาตามแบบฉบับชาวบ้าน
สมัยนั้นคุณตา คือพ่อของแม่เนี่ยเป็นผู้ใหญ่บ้าน คนแถวนั้นเรียกตาคล้าย
ตาคล้ายนะครับ
ตาจะคอยสอนตลอด
ทั้งเรื่องการเอาชนะความกลัว และการตั้งใจเรียน การตั้งใจทำงาน
แกเป็นคนจริงจังมาก แกมีที่เป็นร้อยๆไร่
แบ่งให้ลูก 7 คน สมัยเด็กๆเคยขึ้นไปทำไร่มันกับแก
แถวๆบ้านท่าโป่ง ที่หนองบัวระเหวนะครับ
เรานั่งบนบ่าของตา เดินผ่านหมู่บ้าน เราร้อง ย่านหมา ย่านหมา
ย่านภาษาอิสานที่แปลว่ากลัว
ทั้งที่จริงเราอยู่บนบ่าของตา
ซึ่งตาแกไม่มีความกลัวเลย ตาบอกจะกลัวทำไม คนที่จะกลัวควรจะเป็นตาไม่ใช่แก 555
สมัยเด็กๆ ป.5 ป.6 มีพระธุดงค์มาปลักกรด แถวๆป่าช้า
เป็นพระวัดป่า แม่พาเข้าวัดตั้งแต่เด็ก สมัยก่อนไม่ได้คิดอะไร แม่พามาก็มาตามแม่ แล้วพระอาจารย์ก็บอกให้ไปเอาข้าวก้นบาตร
มีขนมมีนม เลยชอบไปวัด พระอาจารย์ก็ชวนคุยดี แกชอบให้ลูกอม ขนม นม เนย แล้วบ่ายๆ
ก็พากวาดลานวัด ฉันน้ำปานะ
คือเสาร์อาทิตย์ ที่ชอบอยู่ติดวัดไม่ใช่อะไร รอดื่มน้ำปานะ พวกชา โอวัลติน
น้ำสมุนไพร พออาจารย์อยู่ไปสักพักนึง
มีเจ๊กในตลาดมาถวายที่
พระอาจารย์เลยพาปลูกป่า
ปลูกเยอะนะเกือบ 20 ไร่ พวกต้นเต็ง ต้นรัง มะค่า
ทุกวันนี้ก็ยังอยู่ ต้นสูงใหญ่มาก เลยรู้สึกภูมิใจนิดๆ ที่ได้ทำเพื่อสังคม
ทำเพื่อชุมชน ทำเพื่อโลก
พออยู่ ม. 6 ได้มีโอกาสบวชเณร ศึกษาธรรมะ รู้สึกจิตใจมันสงบ พอสึกออกมา ก็ได้มีโอกาสกลับมารู้จักกับวัดป่าอีก
ชื่อว่าวัดพุทธเกษตร ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดพุทธภาวนา วัดสมัยก่อนไม่ไฟฟ้าใช้นะ ต้องจุดเทียน ใช้ตะเกียง ไฟฉาย พระป่านี่วันโกน
จะพากันต้มแก่นขนุนย้อมผ้า พระที่นั่นท่านฉันมื้อเดียว แล้วสอนเรื่องการภาวนา
พาทำวัตรเย็น สวดมนต์ นั่งสมาธิ พอชีวิตวัยรุ่น เรามาอยู่แบบนี้แล้ว พ่อแม่ก็วางใจ
เพราะไม่มีเรื่องเสียหาย ทะเลาะวิวาท หรือยาเสพติดเหมือน คนอื่นๆ
ก็ได้บวช ปฏิบัติธรรม ฟังธรรมะ
ออกธุดงค์ จิตใจตอนนั้นคือมีความสุขมากแบบอยากบวชไม่สึกเลย
แม่เลยบอกสึกออกมาให้แม่หน่อย ก็เลยได้มาใช้ชีวิตทางโลก แล้วก็ห่างหายจากธรรมะไป
พออยู่กับโลก บางทีเราคิดว่า เราหลงนะ
แต่บางทีก็แยกออก เพราะเราห่างจากธรรมะ
ห่างจากการภาวนา พวกกิเลส
ตัณหาต่างๆเลยเข้ามาง่าย
ตอนนี้มาอยู่ชลบุรี ก็พักหอ
อยู่คนเดียวนะครับ เคยมีแฟน ตอนมีความสุขเราก็มีความสุขมากๆ คิดว่าชีวิตเราต้องการแค่นี้แหละ แต่พอเขาไม่อยู่กับเราแล้ว เราเริ่มรู้สึกว่า
เห้ย ความสุขกูหายไป เกิดความคิดเป็นกังวล
เมื่อไหร่เขาจะกลับมา เกิดความขุ่นมัวภายในจิตใจ
มันอยู่ไม่สุขหรอก ก็เลยหาอะไรทำ เล่นเกมส์บ้าง ไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง ดูหนังบ้าง
พอกลับมาที่ห้องความรู้สึกนั้นก็กลับมาอีก
การเสียของรัก เสียคนที่รัก นี่มันเป็นทุกข์ขนาดนี้เลยหรอ
ได้มีโอกาสฟังคลิปพี่ต่อเล่า เห้ย เราเกิดมาเพื่ออะไร เกิดมาแล้วเราทำประโยชน์อะไรบ้าง
เลยได้เข้าใจและหันมาสนใจตัวเองมากขึ้น
ท้ายที่สุดแล้วจึงเข้าใจว่า เราทำตัวเองให้ดีก่อน
อยู่ให้ได้ด้วยตนเองก่อน
พอเราไม่เป็นภาระกับใคร หรือทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี เราก็สามารถช่วยคนอื่นได้
ไม่ว่าจะเป็นการให้ การทำเพื่อสังคม
การสอนธรรมะ สอนการใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
ทุกวันนี้ถามว่า
เราประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง
คือผมคิดว่า ความสำเร็จของผมคือความสุขในการใช้ชีวิต แต่ละคนก็จะเอาแต่สิ่งของภายนอกมาวัด เช่น ต้องได้รางวัลนะ ต้องมีบ้าน
ต้องมีรถคันใหม่ ต้องมีเงินเยอะๆ
คือคุณต้องรอให้สำเร็จก่อน ค่อยเป็นแบบอย่าง ค่อยอินสปายคนได้ ค่อยสอนคนอื่น ค่อยช่วยเหลือสังคมหรอ
ก็ไม่ใช่จริงไหม บางคนพอถึงระดับนั้นแล้วยาก ที่จะกลับมา เพราะอัตรามากขึ้น
สั่งสมความเป็นตัวกูมากเลย
เลยยากที่จะสลัดสิ่งต่างๆออก
การเข้าหาก็ยากขึ้น จริงๆคนรวยบางคนนะไม่มีความสุขเท่าผมหรอกเชื่อเถอะ เพราะมัวแต่วุ่นเรื่องต่างๆ สิ่งของภายนอก
ทรัพย์สิน โทรศัพท์ ธุรกิจ123 ผมว่าเริ่มตั้งแต่วันนี้แหละ คิดดี ทำดี ทำเพื่อสังคม ใครๆก็ทำได้