เคยไหม ตอนสมัยม.ต้น อยากสอบเข้าเราม.ปลายสายวิทย์ในโรงเรียนประจำจังหวัดให้ได้
พอสอบได้แล้ว ก็ต้องพยูงตัวให้รอด ใครจะรู้ว่ะว่า 3.8 โรงเรียนประจำอำเภอ พอไปเรียนโรงเรียนประจำจังหวัดเกรดเหลือ 2.90
ทั้งที่ตั้งใจทำเต็มที่ไม่เล่น ไม่ติดเที่ยว ไม่ติดหญิง ไม่ติดเกมส์ พอมาดูในรายละเอียด อ๋อ คณิตศาสตร์ กับ ฟิสิกส์เรายังทำได้ไม่ดีพอ
อ่านเพิ่ม ทำความเข้าใจ ลงเรียนกวดวิชา หัดทำการบ้านเอง ไม่ใช่เอาแต่ลอก เราต้องเข้าใจมันจริงๆ จนม. 6 ได้เกรด 3.30
เลยตั้งเป้าหมายว่า จะต้องสอบเข้ามหาลัยรัฐบาลให้ได้ และเราก็สอบติดโควต้าคณะที่ตั้งใจไว้ มันไม่ใช่เรื่องโชค แต่มันคือความตั้งใจ
การทำคะแนนสอบเอ็นทรานซ์ (พูดซะแก่) 300+ เต็ม 400 กับ 4 วิชาหลัก ภาษาไทย สังคม คณิต อังกฤษ เกิดจากการติว และซื้อหนังสือ
แนวข้อสอบ และข้อสอบเก่ามานั่งทำ นั่งตรวจคำตอบ จนเข้าใจ
ถามว่าสอบข้อเขียนผ่านแล้ว ด่านต่อไปคือสอบสัมภาษณ์ สนทนาภาษาอังกฤษ เนื่องจาก ลงเลือกลงหลักสูตรอินเตอร์ (ธุรกิจระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม) ต้องเข้าพบอาจารย์หมวดวิชาภาษาอังกฤษ และได้หนังสือ follow me บวก เทปคลาสเสด 4 ชุด พอเข้าพบอาจารย์ (อาจารย์ถวัลย์ โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล) แกมีประสบการณ์การสัมภาษณ์อยู่แล้ว แกก็แนะนำ แกบอกว่าถ้าเราไม่มีทักษะการฟังมาก พยายาม แนะนำตัวเอง เยอะๆ โดยไม่ต้องเราให้เขาถาม และคำถามที่เขาจะถามคือ ทำไมถึงอยากเรียนที่นี่คณะนี้ จบไปอยากเป็นอะไร เราต้องเตรียมคำตอบไป และก็จริง คือเป๊ะอย่างที่แกบอก จนสอบติดเข้าได้เรียน
นั่นคือความสำเร็จอีกขั้น แต่มันยังไม่จบ เพราะชีวิตในมหาลัยมันมีอะไรอีกเยอะ
ตั้งเป้าหมายต่อไปคือ ทำยังไงถึงจะอยู่รอด และเรียนจบมหาลัย ชีวิตในมหาลัยเป็นชีวิตอิสระมาก และเพื่อนเยอะมาก แต่ด้วยหลักสูตรแล้ว เรียนยากมาก เข้าไปใหม่ๆ ต้องลงคอสซัมเมอร์ปรับพื้นฐานก่อนตั้งแต่เดือนเมษา ซึ่งมหาลัยเปิดจริงเดือน มิถุนา
เรียน Text ครั้งแรก ต้องแปลทุกคำจริงๆ ท๊อคกิ้งดิช ต้องใช้นี่สำคัญมาก ไฮไลท์เต็มหน้า ตอนแรกๆ 1 หน้าใช้เวลาอ่าน 1 ชม แต่ก็ต้องอ่าน เพราะเราสปีดช่วงแรก จนเข้าใจระดับหนึ่ง และไดทำงานเขียน essay ส่งอาจารย์ งานแรกแก้ทั้งหน้า อาจารย์อ่านไม่รู้เรื่อง คือแปลไทยเป็นอังกฤษ จริงๆ เช่น แบบฉันไม่กินข้าวนี่ I go eat rice เลย เพราะเรารีบทำ assignment ให้เสร็จเร็วแล้วเอาไปให้อาจารย์อ่านก่อน นัดอาจารย์นอกรอบ รบกวนแกอ่านให้ แล้วแกก็ช่วยปรับแก้ประมาณ 2 รอบ หลังๆ assignment essay ได้คะแนนเต็มตลอด ตอนสอบกลางภาคของเทอมแรกจึงไม่มีปัญหาและสอบได้คะแนนท๊อปของห้อง
คือช่วงตัดสินเลยว่าเราจะไปได้ไม่ได้คือ ช่วงเปิดเทอมก่อนสอบกลางภาค ถ้าเราไมเร่งช่วงนี้ คือต่อไปไม่มีสิทธิ์แล้วไปไม่ทันเพื่อนแน่ๆ สุดท้ายก็เรียนจบ ได้เกียรตินิยมอันดับ 2 นั่นคือบรรลุเป้าหมายในชีวิตอย่างหนึ่งแล้ว แต่ใครจะรู้ว่านั่นมันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของนกขมิ้น
เมื่อเรียนจบด้วยว่า ชื่อหลักสูตรในใบปริญญาบัตรมันต้องทำให้เราต้องออกจากบ้านไปทำงานที่ต่างจังหวัด เพื่อหาเงินหารายได้มาจุนเจือตัวเองและครอบครัวทางบ้าน เข้างานแรก ได้เงินเดือน 10,000 บาท บอกเลยว่า มันคือจุดเริ่มต้นของการศึกษาเรียนรู้นอกตำราที่แท้จริง ถ้าคุณแพ้คุณจะไม่มีสิทธิเริ่มใหม่ ด้วยว่าที่นี่เนี๊ยบมาก เขาคัดแต่ต้นแบบ เอาเป็นว่าเราตกกระป๋อง เราพลาดเราเจ็บ กับการไม่ผ่านทดลองงาน แต่มีหลายอย่างที่เราได้ศึกษาเรียนรู้ ทักษะหลายอย่างเราก็ได้จากที่นี่ เช่น การพูดในที่ประชุม การออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ การประกอบคอมพิวเตอร์ การทำงานด้านเนตเวิร์ค ใช่แล้วเราทำงานในตำแหน่งฝ่ายไอที งง เลยจบธุรกิจระหว่างประเทศทำไมมาทำงานในตำแหน่งไอที จริงๆความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ผมศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเองทั้งหมด จะการแกะแงะคอมของตัวเองและคอมของเพื่อนในห้อง เขาใช้ให้ลงวินโดว์โปรแกรมโน่นนี่นั่นตัดต่อ เป็นมือไอทีประจำเอก บางทีก็คิดว่าโดนเพื่อนหลอกใช้ เรามาที่นี่ มาติดตั้งเนตเวิร์ค ปรับปรุงระบบเนตเวิร์ควางระบบ lan และ wifi ออกแบบเวปไซด์ ประกอบคอมลงวินโดว์หลายสิบเครื่อง มาวางพื้นฐานด้านไอทีอะไรหลายๆอย่าง แต่ไม่ผ่านโปรโดยเหตุผลว่าไม่เหมาะสม ซึ่งที่จริงคือที่นี่มีไอทีแล้วสองคน เราเป็นคนที่สาม และเขาอยากปรับโครงสร้าง เพื่อลดค่าใช้จ่ายหรือเปล่าไม่รู้
รายได้จากงานที่แรก ผมมีบัตรผ่อนสินค้า ผมซื้อคอมมาประกอบเอง แล้วก็ขาย คอมที่ตัวเองประกอบเอง ได้กำไรสามพัน ต่อชีวิตในช่วงตกงาน ใครเคยมีปะสบการณ์ชีวิตช่วงตกงานจะรู้ดี คือรู้สึกเฟลมากๆ หมดความมั่นใจสุดๆ และสุดท้ายก็ได้งานในบริษัทค้าปลีกค้าส่งคอมพิวเตอร์ ที่มีช๊อบตามห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ ขายคอมประกอบ อุปกรณ์ไอที และโน๊ตบุค พูดชือไปทุกคนต้องร้องอ๋อ แต่ขอไม่บอกดีกว่าเดี๋ยวจะเป็นการโฆษณา เริ่มต้นจากการเป็นช่างเทคนิค ประกอบคอม ลงวินโดว์ ซ่อมเครื่อง ดูอาการเปลี่ยนอะไหล่ ทำอยู่ เกือบปี ได้ย้ายสาขาเปลี่ยนตำแหน่งไปเป็นเซลล์ แนะนำลูกค้ามาซื้อคอมและจัดคอมประกอบให้ลูกค้า อยู่ไปสักพักตำแหน่งผู้จัดการร้านว่างจึงได้รับการโปรโมตให้เป็นผู้จัดการร้าน และนี่คือจุดเริ่มต้นสายบริหารครั้งแรก คือจะสังเกตนะฮะคือผมจะพยายามเรียนรู้งานจากระดับล่างขึ้นบนและไม่พยายามใช้ชื่อหลักสูตรในใบปริญญาไปขอสมัครงานตำแหน่งผู้จัดการเลยเพราะ อายุเราแค่ 24-25 และงานในร้านเราก็ยังไม่เป็นเราจะไปสอนอะไรเขา ที่ได้รับการโปรโมตล้วนมาจากทักษะการขาย และประสบการณ์ทั้งสิ้นคือ 1. เราเป็นงานช่าง 2. เราเป็นงานขาย คือสามารถทิ้งเราไว้คนเดียวที่สาขา เราทำได้ทุกอย่าง เราเป็นผู้จัดการสายกรรมกร 555
จุดเปลี่ยนคือ
จากนั้นเพื่อนจะเปิดร้านขายคอมเลยชวนไปบริหารให้ สบกับจังหวะที่ แม่โทรมาบอกว่า กลับมาบ้านเราไหมมีตำแหน่งว่างเป็นลูกจ้างธกส. รายได้ 15,000 เลยลาออกและเลือกกลับบ้าน มาทำที่ธกส. ตำแหน่งลูกจ้างชั่วคราว พอหมดสัญญาก็ว่างงานอีก
ประจวบเหมาะกับตอนที่เป็นลูกจ้างธกส. ได้ใบปลิวแนะแนวการศึกษา MBA มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการชัยภูมิพอดี เลยขอแม่ลงเรียนเพราะว่างงาน ก็ลงเรียน ด้วยพื้นฐานที่จบด้านบริหารอยู่แล้วเลยไปไวกว่าเพื่อนและได้ทำหน้าที่ติวหนังสือให้เพื่อน แล้วเพื่อนก็มาชวนไปขายบัตรเครดิตเป็น agent ตัวแทนแนะนำบัตรกดเงินสดและบัตรเครดิต ขายบัตรได้ 2 เดือน ไม่ทำต่อเพราะเหนื่อยและกลับมาเรียนไม่ทันเพราะต้องออกต่างจังหวัด แต่รายได้ดีมาก เราได้หัดเรียนรู้ด้านงานขาย การคำนวณดอกเบี้ยต่างๆ เยอะมากจากพี่ส้ม เรียนรู้การตอบข้อโต้แย้งต่างๆ ซึ่งเป็นพื้นฐานในงานที่เรากำลังประจำตอนนี้ พอดีได้งานตำแหน่งพนักงานสินเชื่อรถยนต์ในเครือธนาคารกรุงศรี ก็เลยเลิกขายบัตร ทำสินเชื่อรถยนต์อย่างเดียว ควบคู่ไปกับการเรียนปริญญาโท
เราเรียนวันเสาร์เวลา 5 โมงถึง 3 ทุ่ม แล้วเรียนวันอาทิตย์ 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น แล้วกลับไปนอนที่บ้าน ดีคือได้งานในจังหวัดตัวเองขับรถกลับบ้านได้
บางทีก็รับงานออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ อินดีไซด์ด้วย แรกๆ รับงานมั่วไปหมดแล้วเรียกค่าจ้างแบบถูกมากๆ หน้าละ 5 บาท เพราะพึ่งทำเป็นใหม่ๆยังไม่เก่งเอามาหัดทำ จนเทคนิคแพรวพราวและอัพค่าตัว
เราตั้งเป้าหมายว่าเรียนจบโท สุดท้ายก็จบโท ด้วยเกรด 3.74 แบบเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ซึ่งเราได้หัวหน้าดี บางที เราขอกลับเร็ววันเสาร์ เขาก็ให้กลับเร็ว พอจบโทหัวหน้าจึงโปรโมทเราขึ้นเป็นรักษาการผู้จัดการสาขา แถวชลบุรี และได้อัพค่าตัวตาม perfomance ของเรา และเป้าหมายคือต้องผ่านทดลองงานและบรรจุเป็นผู้จัดการเต็มตัว
และปัจจุบันก็บรรจุเป็นผู้จัดการสาขา เต็มตัว ปัจจุบันเราอายุ 29 รายได้ก็พอผ่อนรถ ผ่อนบ้านหลังนึงให้แม่ที่ต่างจังหวัด มีทุกอย่างที่คนอื่นๆมี พออยู่พอกิน
และนี่คือจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตเป็นผู้จัดการสาขา การบริหารหายอดสินเชื่อรถยนต์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ คิดว่าตอนนี้ประสบความสำเร็จในชีวิตหรือยัง ประสบความสำเร็จในระดับที่พอใจแล้ว แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป คือถ้าตายตอนนี้ก็ตายตาหลับแล้ว
ปัจจุบันตั้งเป้าหมายว่า อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น และการงานก็พัฒนาขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง เช่นก้าวขึ้นเป็นผู้จัดการเขต หรือผู้จัดการบริหารช่องทาง
จริงๆ พอถ้าเราขึ้นเป็นผู้จัดการเขตแล้ว เราคิดว่าเราประสบความสำเร็จแล้ว เรามีครอบครัวที่อบอุ่นเมื่อร่างกายเราอายุครบ 60 เราก็หยุดทำงานรับจ้างคนอื่น เพื่อออกมาสร้างธุรกิจและบริหารอะไรแบบพอเพียงๆ หรือบางที ก็ไม่ต้องรอ 60 แต่เออรี่ออกมาก่อน มาหาซื้อที่ไร่ที่นา ทำสวนผัก ทำโฮมสเตย์ ทำเกษตรอินทรีย์ รอให้หลายๆมาเยี่ยม บางทีมันก็มีความสุขดีนะในปั้นปลายชีวิต
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น