ความรักอยู่ไหน ใจโหยหา
ในอุราสุขขี ฤดีหมายคิดถึงนวลน้อง มิรู้วาย
ในหัวใจ มิห่าง นวลนางเอย
IT and Business specialist M.B.A 3.74 Ramkham University B.B.A เกียรตินิยมอันดับ 2 ธุรกิจระหว่างประเทศ (นานาชาติ) มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ความรักอยู่ไหน ใจโหยหา
ในอุราสุขขี ฤดีหมายคนอยู่หรือคนไปล้วนมายา
คนอยู่ไม่อยากไป
คนไปด่าคนอยู่
อยู่ก็บ่าย
ไปก็เที่ยง
แล้วแต่ใจปรารถนา
อยู่นานไม่มีเวลาสิ้นสุด
ไปแล้วไปลับไม่กลับมา
โลกนี้กว้างใหญ่แต่มีขอบเขต
แต่จักรวาลกว้างไกลไม่มีขอบเขต
เวลาและจักรวาลคือสิ่งที่กว้างใหญ่ยาวไกลไม่มีสิ้นสุด
โลกที่ตาเห็นคนละโลกกับโลกหลังความตาย
พะทะนะมะ
พะ คือไฟเร่าร้อนเผาหัวใจมึง อยู่มิได้
ร้องไห้มาหากู
ทะ คือลมให้เกิดเป็นพัชชะวาตพัดดวงใจ
มึงให้ปั่นป่วนอยู่ไม่ได้ร้องไห้มาหากู
นะ คือน้ำ ท่วมท้นหัวใจมึง อยู่ไม่ได้
ร้องไห้มาหากู
มะ คือดินโถมทับหัวใจมึง อยู่มิได้
ร้องไห้มาหากู
ใบ “โพธิ์” เป็นสัญลักษณ์แห่ง “พุทธะ” เพราะเป็นดั่งเครื่องหมายที่บ่งบอกถึง “การรู้ ตื่น และเบิกบาน” เหนือกาลเวลา ด้วยเหตุนี้ การเกิดขึ้นของต้นโพธิ์ จึงหมายถึงการเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าและการเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าก็เปรียบได้กับการเกิดขึ้นของใบโพธิ์ เช่นกัน
ในพระไตรปิฏก พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 25 ขุททกนิกาย โคตมพุทธวงศ์ กล่าวไว้ว่า พระพุทธเจ้าองค์ที่ 28 พระนามว่า พระโคตมพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญเพียรประพฤติทุกรกิริยาอยู่ 6 ปี จึงได้ประทับตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ ณ ควงไม้อัสสัตถะ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชลา ซึ่ง “ต้นอัสสัตถะหรืออัสสัตถพฤกษ์” รู้จักกันดีในชื่อของ ต้นโพธิ์หรือพระศรีมหาโพธิ์ นับได้ว่าเป็นต้นไม้ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในพระพุทธประวัติอีกชนิดหนึ่ง เพราะเจ้าชายสิทธัตถะราชกุมารในระหว่างบำเพ็ญเพียรภาวนาเพื่อค้นหาสัจธรรมนั้น พระองค์ได้ทรงเลือกนั่งประทับที่โคนต้นโพธิ์จนกระทั่งพระองค์ได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ คือ อริยสัจ 4 อันประกอบด้วย ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค เมื่อวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ขณะที่กรอบแนวคิดที่เป็นดั่งสายป่านส่งต่อให้ชาวพุทธเข้าใจถึงสัจจธรรมของต้น “โพธิ์” เพราะเป็นสัญลักษณ์แห่ง “พุทธะ” คือ การรู้ ตื่น และ เบิกบาน เพื่อให้เราก้าวย่างให้ถึงซึ่งสามสิ่งนี้
1. การรู้ หมายถึง รู้ว่าอะไรเป็นอะไ รชีวิตนี้เกิดมาทำไม การที่พระพุทธเจ้าได้ใช้ “ปัญญา” เป็นเครื่องมือในการดำเนินชีวิต ซึ่งเป็นปัญญาที่หลุดพ้นจากกิเลสและอวิชชา และบัญชาชีวิตของพระองค์มาหลายร้อยชาติ
2. การตื่น หมายถึง ละเลิกจากการใช้ชีวิต ด้วยความโลภ โกรธ หลง การที่พระพุทธเจ้าทรงมีดวงจิตที่เปี่ยมไปด้วย “สติ” ความระลึกได้และรู้สึกตัว ตื่นจากความหลับไหล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตื่นจากกิเลสที่เป็นเครื่องร้อยรัดให้ลุ่มหลงและมัวเมา
3. การเบิกบาน หมายถึง ออกจากความโลภโกรธ หลง ดั่งเช่น สภาพจิตของพระองค์ได้ “เบิกบาน” เพื่อรองรับสายธารแห่งสัจธรรมความจริง ซึ่งเปรียบได้ดั่งบัวบานไม่มีวัน “หุบ” ไร้ซึ่งความมืดมัวแห่งอวิชชาที่จะเข้ามาครอบงำจิตใจ
เรียบเรียงโดยเพจ ภาพใบโพธิ์ ZenKa
คาถาเทวดาคุ้มครอง ตำราที่หลวงปู่กวยจดบันทึกไว้
ตั้งนะโม 3 จบ
▪︎เทวากานนะนิกาเทถาหิกาสัมสัม
กาทากาเร กะถิสัมวายะยะ
ภะสัมนินะอะมัน พุระมะยูปุตุยะฯ
พระคาถานี้ภาวนาถึงจัตุมหาราธิกา
ถ้าจัตุเห็นคนนะรักทั้งหลาย ให้นั่งสมาธิบ่ายหน้าไปทางทิศบูรพา ให้ตั้งสติสำรวมจึงสวด 4 จบ
"เมื่อเที่ยงคืน" ผู้ร้ายทำร้ายเรามิได้เลย
▪︎ถ้าจะปราถนาแก้วแหวนเงินทองอาหารก็ดี ให้บ่ายหน้าไปทางทิศอิสาน สวด 2 จบ
▪︎ถ้าจะให้เทวดารักษาก็ดีมิให้ไข้เจ็บก็ดี และจะให้รักเราก็ดี ให้สวด 15 จบ
พระพุทธเจ้าภาวนาเป็นอารมย์ จิตจะมาได้รักเป็นพระพุทธเจ้าแลฯ
#ถ้ามีผู้ใดพบพระธรรมบทนี้เหมือนได้พบพระพุทธเจ้า28พระองค์แลฯ
▪︎พามานา อุ กะสะนันทูฯ
คาถาสวดมนต์มิได้ไปนรกเลย🥰
ศิษย์หลวงพ่อกวย ชุตินธโร
วัดโฆสิตาราม (วัดบ้านแค) จ.ชัยนาท
ให้เจริญเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ซึ่งเป็นวิหารธรรมของพรหม เรียกว่า พรหมวิหาร 4 เจอสิ่งที่ไม่พอใจ ให้อุเบกขา เจอสิ่งที่ต้องช่วยเหลือต้องเมตตา กรุณา เจอบุคคลที่ประสบความสำเร็จ ต้องมุทิตา พลอยยินดี ไปกับเขา แม้ว่าเราจะไม่ใช่พระอรหันต์ แต่ก็เอาพรหมวิหาร 4 ข่มจิตข่มใจตัวเองไปเรื่อยๆ ขัดเกลากิเลสภายในใจให้เบาบาง ต้องปล่อยวาง ต้องมีเมตตา ต่อสรรพสัตว์ ต่อเพื่อนมนุษย์ แม้แต่ต่อศัตรูผู้ปองร้าย ถือว่าเราเป็นคู่กรรมคู่เวรเขามาแต่ชาติปางก่อน ควรให้อภัยเขา แล้วบอกว่าเจ้าไปซะ ต่างคนต่างอยู่ ก็เมตตาเขา อภัยเขา อุเบกขาให้กับเขา
เมื่อตัดเวทนาได้ เจริญเวทนานุสติปัฏฐาน ก้าวข้ามพ้นความเจ็บปวดไปได้
คาถาเอ็นดูมหาเสน่ห์
ประวัติหลวงปู่ทอง วัดราชโยธา (117 ปี) กรุงเทพฯ
คุณสัมพันธ์ 5 (อุ่หลุน) (การวางตัวบทบาทหน้าที่ ที่ต้องปฏิบัติต่อผู้อื่น)
ชีวิตนี้มีความสำคัญมากมีคุณค่ามาก