วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2565

ศาสนาพุทธนี่นะ ไม่ใช่แก้ทุกข์แค่ชาติหน้า



ศาสนาพุทธนี่นะ ไม่ใช่แก้ทุกข์แค่ชาติหน้า
แต่ชาตินี้ก็แก้ทุกข์ได้นะ
พัฒนาให้ใจเราไม่ทุกข์ไปกับนามธรรมทั้งปวง
ไม่เสพอารมณ์ที่ไม่ดี ไม่โกรธ ใจเราก็ไม่ถูกเผา
ไม่โลภ ก็ไม่ทุกข์เรื่องเงิน จะมีมากมีน้อยก็ไม่เป็นไร ขอแค่พออยู่ได้ มีเงินไปเติมน้ำมันไปทำงาน มีเงินกินข้าวก็พอ ที่เหลือก็คือส่วนเกิน ถ้าเสื้อผ้ายังมีเต็มตู้รองเท้ายังมีหลายคู่อยู่ก็ไม่ไปเดือดไปร้อนกับมัน
การรู้สักแต่ว่ารู้ แต่เมื่อใดที่จับก็ต้องปล่อยวาง จะได้ไม่หนัก
แต่ถ้าวางแล้ว มันโผ่มาให้จับอีก ต้องแก้ไขด้วยการพิจารณา และคิดแก้ไขปัญหาด้วยปัญญา ถ้าแก้ไม่ได้ก็ปล่อยวาง ให้เวลาแก้ปัญหา ไม่ก็เอาตัวเราออกจากที่ตรงนั้นไม่ต้องคิด เช่นสมมุติเราตกงาน เขาไล่เราออกเรายังไปทำงาน เขาจะให้เราทำไหมละ เราก็ต้องกลับมาอยู่บ้าน ถ้าไม่มีหนี้ไม่มีสิน ไม่มีเมียไม่มีลูก ไม่ดิ้นรนอะไรก็ไปบวช แต่ถ้ายังมีหนี้สินอยู่ก็ต้องหางานใหม่ทำเพื่อแก้ปัญหาเรื่องหนี้สินตรงนี้ แต่อย่าไปคิดเยอะ มีก็จ่ายไม่มีก็ไม่จ่าย เขาจะยึดก็ให้เขายึดไป ถ้าไม่มีอะไรให้เขายึดก็ให้เขาฟ้องไป ฟ้องมาก็ไปขึ้นศาลจ่ายได้ก็จ่าย จ่ายไม่ได้ก็ให้เขาบังคับคดี พอไม่มีอะไรให้เขายึด ก็ไม่ทุกข์ เจ้าหนี้เราทุกข์แทน แต่ถ้าเราอยากบวชเราต้องเคลียร์หนี้ให้หมดก่อน เว้นเสียแต่เราจะไปเป็นผ้าขาว เณรน้อย ที่วัดป่า ไปขับรถช่วยพระ เวลาท่านไปกิจนิมนต์ก็ได้ ข้าวก็มีกินอยู่แล้ว กุฎิก็มี กรดมี เต๊นมี ไปนอนกลางป่าก็ได้ ถ้าใจเราไม่ได้ยึดติดกับเสนาสนะ ไม่เอาหรูหราอะไร
แม้แต่จะอกหัก หรือตาย ก็ต้องปล่อยวาง ไม่ทุกข์ไปกับมัน
ปล่อยวางขันธ์ 5 ได้ก็ไม่มีทุกข์ทางกาย
ถ้ายิ่งทรงฌาณ แยกเวทนา ออกจากผัสสะ ได้ ไม่มีความเจ็บเลย เจ็บแค่ไหน ไม่เอาจิตไปจับก็ไม่รู้สึก มันแบบเฉยๆ ไม่ไปทุกข์ไม่ร้อนกับมัน สมมุติว่ามีดบาดยิ่งเราเอาจิตไปจับตรงที่มันบาด ยิ่งเจ็บยิ่งเจตสิกมาปลุงต่อวิญญาณเสพเวทนาเวทนาเสพผัสสะ คลุกเคล้ากันไป ยิ่งเจ็บไปใหญ่ แล้วไปปลุงใจให้มันทุกข์ว่าโอ้ยมีดบาด โอ้ยมีดบาด อีก ทำให้ทุกข์ทั้งกาย ทุกข์ทั้งใจ จิตใจเศร้าหมองไปอีก
พิจารณาดูทุกอย่างให้เป็นไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สอนจิตมันไปเรื่อยๆ จนมันยอมรับของมัน อัตราตัวตนของเราก็ค่อยลดลงไปทีละเล็กละน้อย ยิ่งเมื่อใดที่มันหมดอัตราตัวตน ไม่มีตัวกูของกูแล้ว ก็ไม่มีกูที่มันทุกข์ พิจารณาธาตุ4ขันธ์5 ในตัวเราไปก่อน ค่อยไปพิจารณาธรรมชาติ มองธรรมต่างๆ เช่นคนอื่น เช่นน้องแตงโม เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็ค่อยปลงค่อยปล่อยวางไป พิจารณาได้ทุกอย่าง แต่ให้พิจารณาตัวเองก่อน แม้แต่โลกใบนี้มันยังเป็นทุกข์ เป็นอนิจจัง เป็นอนัตตา ทุกข์ไหมละโดนนิวเคลียร์ตูมๆ เดี๋ยวน้ำท่วม เดี๋ยวแล้ง เดี๋ยวหิมะตก พอมีอุกกาบาตใหญ่มาชนวันนึง มันก็แตกสลาย พิจารณาให้เห็นโลกนี้แตกสลายจนหาฝุ่นไม่เจอ จนเหลือสภาวะอวกาศ สุดท้ายทุกอย่าง ก็คือความว่าง
เมื่อเห็นตามนี้เราก็ไม่ทุกข์ไม่ร้อนไปกับสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะข้าวของคนรัก
เพราะทุกสิ่งมันเป็นอนิจจังทุกขังอนัตตา

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น