วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

ความหมายที่แท้จริงของ อนิจจา วต สังขารา-สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ...

 อนิจจา วต สังขารา-สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ...

อุปปาทวยธัมมิโน-มีอันเกิดขึ้นและเสื่อมไปเป็นธรรมดา...
อุปปัชชิตวา นิรุชฌันติ-บังเกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป...
อาจเป็นรูปภาพของ บุคคล, เด็ก และ กลางแจ้ง
เตสัง วูปสโม สุโข-การเข้าไประงับสังขารเหล่านั้นเสียได้ เป็นความสุข...

















อนิจจา วต สังขารา-สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ...
อุปปาทวยธัมมิโน-มีอันเกิดขึ้นและเสื่อมไปเป็นธรรมดา...
อุปปัชชิตวา นิรุชฌันติ-บังเกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป...
เตสัง วูปสโม สุโข-การเข้าไประงับสังขารเหล่านั้นเสียได้ เป็นความสุข...

เหตุใด เวลาพระพาดบังสกุลถึงสวดบทนี้
จริงๆ แล้ว บทนี้ ไม่ได้หมายความว่า กายไม่เที่ยงหรือรูปไม่เที่ยง อันนั้นมันผิวเผินเกินไป คนเราเกิดมาก็ต้องตายไปเป็นธรรมดา แต่การตายแล้วที่จะไม่ต้องเกิดคือยังไง
การเข้าไประงับสังขารเหล่านั้นเสียได้เป็นความสุข
คำว่า สังขาร สังขารนี้ ก็บอกแล้วว่าไม่ใช่กายา กายเนื้อ
หรือ รูปปัง ราปา หรือรูป เพราะบท รูปัง อนิจจา อันนี้ก็มีอยู่เวลาเราสวดทำวัตรเช้าวัตรเย็น
อนิจจัง อนิจจา อนิจจ์ ก็แปลว่ามันไม่เที่ยง สิ่งใดที่ไม่เที่ยง
ก็ สังขารา สังขารัง สังขาร นี้ไง
สังขาร เป็น 1 ในขันธ์ 5 ( รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) เรามาพูดถึงตัวสังขาร ตัวปรุงแต่ง ตัวสังขารนี้ก็คือตัวเจตสิก 52 ตัวที่เกิดพร้อมกับจิต ทำหน้าที่ปรุงแต่งจิต มีทั้งฝ่ายดี ฝ่ายชั่ว และฝ่ายกลางๆ
เคยมองความคิดตัวเองบ้างไหม ว่าวันนึงมันผุดขึ้นมากี่ครั้ง
เจตสิกฝ่ายชั่วนี้ มีกลุ่ม โลภ โกรธ หลง กับพวก ฐิติมานะ กับพวกลังเลสงสัย ง่วงเหงาเศร้าซึม อยู่ รวมถึงตัวอวิชชา ก็คือตัวลังเลสงสัยนั่นแหละ อวิชชาคือตัวโง่คือความไม่รู้ ไม่รู้ในทุกข์ ไม่รู้ในอริยสัจ เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งการเกิด ถ้าไม่ถอน ไม่ทำลาย ก็พาไปทุกข์ไปเกิดล่ำไป
ดั่งพระท่านบอก ทุกข์เพราะความคิดสังขารปรุงแต่ง มันทุกข์แบบนี้แหละ เพราะถอนอวิชชาไม่ได้ อวิชชาก็คือ 1 ตัวในสังขาร
ให้เห็นสังขารเหมือนฟองสบู่ที่เป่า ดูความเคลื่อนไหวของมัน พระวัดป่าบางองค์ก็บอกให้ดูจิตมันคิดนึกปรุงแต่ง จริงๆ เจตสิก มันไปเป่าหู จิตอีกที เพราะ ถ้าเทศน์บอกโยมว่า โยมเห็นเจตสิกมันปรุงแต่งไหม โยมคงไม่รู้ว่าเจตสิกมันคืออะไร งงไปกันใหญ่ พระบางองค์ก็บอกว่ามันคือใจ ใจเราอย่างนั้นอย่างนี้ แต่อยากให้เข้าใจตรงกัน ณ ตรงนี้ว่า สังขารหรือเจตสิกมันไปปรุงแต่งอีกที ดับสังขารได้ก็ไปนิพพาน
เพราะจิตเดิมแท้บริสุทธิ์สดใส มีความเป็นของไม่ตายอยู่
จิตเห็นเจตสิก คือ วิญญาณเห็นสังขาร
จิตก็คือมโนวิญญาณ
เมื่อจิตเห็นเจตสิก เจตสิกก็ดับ
เจตสิกมีความเกิดดับ เกิดดับตลอดเวลา
เจตสิกไม่เที่ยง เจตสิกเป็นทุกข์
เจตสิกก็คือสังขารนี้ล่ะ ที่เป็นทุกขัง อนิจจัง อนัตตา

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น